หมายเหตุ : กระทู้นี้ขอให้คุยกันแบบมีสาระนะครับ ใครมีเสื้อสีต่างๆ มือตบ เท้าตบ หัวใจตบ นกหวีด เอาวางไว้ข้างนอกครับ และสำหรับ WM ขอนะครับ อย่าย้ายไปราชดำเนิน ถ้าจะย้ายไป ลบกระทู้ทิ้งดีกว่าครับ
.
-------------------------------------------
.
ว่ากันตรงๆ ละครับ กระทู้นี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก 2 เรื่อง
.
เรื่องแรก..ช่วงที่มีข่าวลือว่า คสช. ออกประกาศห้าม นศ. อายุ 18-25 ปี จับคู่ชาย-หญิงอยู่ด้วยกัน มีการตระเวนตรวจหอพักรอบมหา'ลัย กระทั่งความจริงปรากฏคือเรื่องนี้เป็นข่าวมั่ว ข้อเท็จจริงคือเขาตรวจว่าอาคารไหนจดทะเบียนเป็นหอพัก ซึ่งเข้าข่าย พรบ.หอพัก อันนี้ก็ต้องแยกเพศ ห้ามอยู่ด้วยกัน ส่วนใครอยากอยู่ด้วยกัน ก็ไปเช่าห้องประเภทอื่นๆ รวมถึงดูว่ามีการปล่อยให้อายุต่ำกว่า 18 มาพักหรือไม่ ซึ่งอันนี้ก็ผิดกฏหมายอยู่แล้วในหลายๆ มาตรา ทั้ง พรบ.โรงแรม ทั้ง ป.อาญา เรื่องพรากผู้เยาว์
.
เรื่องที่สอง..ล่าสุดกับการห้ามขายเหล้ารอบมหา'ลัย ที่เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อไม่นานนี้
.
.
ประเด็นคือ..นอกจากการหาข้อเท็จจริงขอข่าวลือที่จบไปแล้วได้ข้อสรุปแล้ว ยังมีเรื่องให้คิดต่อ เพราะมีการถกเถียงกันเพิ่มเติมว่า
"อายุ 18 ขึ้นไป ยังต้องควบคุมอย่างเข้มงวดแบบเด็กและเยาวชนอีกหรือไม่?" ฝ่ายนึงบอกว่าไม่ต้องหรอก มัน 18 แล้ว ทำงานก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับผู้ใหญ่ ถ้าทำผิดก็เข้าเรือนจำไม่ใช่สถานพินิจ เลือกตั้งก็ได้ ดังนั้นเขาก็มีสิทธิที่จะจับคู่อยู่ด้วยกัน มี sex กัน หรือมีสิทธิที่จะดื่มเหล้า พร้อมยกตัวอย่างว่าในต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ถือว่าปกติมาก ( ต่ำกว่า 18 ห้ามมี sex กฏหมายไทยเราก็ลอกตะวันตกมานั่นแหละ หลักสากลเขาว่าแบบนี้ ) บาง ม. มีบาร์เหล้าใน ม. ด้วยซ้ำ ก็ไม่เห็นคนต่างชาติมันจะล่มจมตรงไหน ถ้าจะทำ ควรส่งเสริมให้มี sex แบบป้องกันดีกว่าไหม? หรือควรไปเข้มงวดกับร้านที่ให้ต่ำกว่า 18 ( หรือ 20 ) เข้าไปใช้บริการ หรือขายเหล้าให้ต่ำกว่า 18 ( หรือ 20 ) หรือเวลาเปิด-ปิดร้าน จะดีกว่าไหม? อย่างน้อยๆ กินใกล้ ม. เมาแล้วมันก็เดินกลับได้ ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ให้ถูกปลดทรัพย์หรืออนาจาร และไม่ต้องเมาแล้วขับไปชนใครตาย
.
แต่อีกฝ่ายที่มีไม่น้อย บอกว่าคนไทยไม่มีหรอกวิจารณญาณ สามัญสำนึกอะไรนั่น อย่าว่าแต่ 18 หรือ 20 เลย 30 40 50 ก็ยังใช้ชีวิตกันไม่เป็น ดีแต่ก่อความเดือดร้อนให้สังคมทั้งนั้น จึงควรควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่ควรปล่อยเสรีเด็ดขาด เช่น เรียกร้องให้รัฐบาล คสช. ออกกฏหมายบังคับให้ นศ. อายุ 18-25 ต้องอยู่หอแบบแยกเพศเท่านั้น ห้ามอยู่ด้วยกัน ไม่งั้นเดี๋ยวมันก็มั่วสุม ทำกันจนท้อง เสียอนาคต หรือห้ามขายเหล้าแค่ 300 เมตร มันน้อยไป ต้อง 1 กิโลเมตรขึ้นไปเลย หรือออกกฏหมายห้ามดื่มเลยจะดีที่สุด ฯลฯ ไม่งั้นเดี๋ยวมันไปมั่วสุม เมาแล้วไม่ไปเรียน เสียอนาคต
.
------------------------------------
.
ตรงนี้แหละครับ..ผมนึกถึงช่วงที่การเมืองระอุในรอบหลายปีมานี้ จนถึงตอนนี้ก็ด้วย ที่มีการถกเถียงกันว่า
"ตกลงแล้วคนไทยเหมาะกับประชาธิปไตยหรือไม่?" ฝ่ายที่เชื่อว่าเหมาะ จะให้เหตุผลว่าประชาธิปไตยก็เหมือนชีวิตคน ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบ ต้องผ่านการลองผิดลองถูก ล้มบ้างลุกบ้าง ประเทศที่ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ก็ผ่านช่วงเวลาแย่ๆ กันมาทั้งนั้น แต่อย่างน้อย
"ประชาธิปไตยก็ยังให้คนทั่วๆ ไป ได้ตัดสินอนาคตทางเดินของตัวเอง"
.
ถ้าไม่ให้เดินด้วยขาตัวเอง แล้วจะเดินเป็นได้ยังไง? แน่นอนเมื่อเลือกแล้วต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย
.
ส่วนฝ่ายที่เชื่อว่าไม่เหมาะ จะให้เหตุผลคล้ายๆ กับ 2 เรื่องข้างบน คือคนไทยไม่มีจิตสำนึกอะไรทั้งนั้น คนไทยไร้ระเบียบวินัย แถมยังเกียจคร้าน ชอบแบมือขอ เรียกร้องแต่สวัสดิการรัฐ จึงเป็นช่องทางให้นักการเมืองเล่นกับนิสัยตรงนี้ด้วยนโยบายประชานิยม ลดแลกแจกแถมเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปกอบโกย ทุจริตคอรัปชั่น ( แน่นอนทำกันทุกพรรค แต่ละพรรคก็มีอาณาเขตผลประโยชน์ของตน ) หลายคนยกตัวอย่างกรีกกับเยอรมัน คนกรีกมีนิสัยแบบคนไทย ชอบประชานิยมเหมือนกัน รักสนุกเหมือนกัน ผลคือประเทศพัง หนี้สินล้นพ้นตัว ส่วนคนเยอรมันขยัน ประหยัด มีวินัย ทั้งๆ ที่ประเทศยังต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามที่แพ้สงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง แต่ฐานะทางการเงินก็ดีพอจะแบก EU ได้ทั้งกลุ่ม ดังนั้นประชาธิปไตยในกรีกจึงพาคนกรีกลงเหว ส่วนประชาธิปไตยในเยอรมันพาคนเยอรมันเจริญรุ่งเรือง เพราะนิสัยคนต่างกัน ไทยจึงไม่ควรเป็นประชาธิปไตย แต่ควรถูกดัดนิสัยเสียก่อนจากเผด็จการ เช่นที่ลีกวนยูดัดนิสัยคนสิงคโปร์ หรือปาร์คจุงฮีดัดนิสัยคนเกาหลีใต้ ผู้นำทั้ง 2 คน ปกครองอย่างเข้มงวด ทำให้ประชาชนของตนขยัน มุ่งมั่น ประหยัด มีวินัย วากรากฐานจนทั้ง 2 ประเทศ โดดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของโลกได้
.
มาดูประวัติศาสตร์ประเทศไทย 80 ปีของการเปลี่ยนมาใช้ระบอบประชาธิปไตย มีแต่เละเทะถอยหลังเข้าคลองทุกวันๆ
.
.
.
ก็ตามนี้แหละครับ..คุณคิดว่า
"ประชาธิปไตย" เหมาะสมกับ
"สังคมไทย" หรือเปล่า?
ถามกันตรงๆ คุณคิดว่า "ประชาธิปไตย" เหมาะสมกับ "สังคมไทย" หรือเปล่า?
.
-------------------------------------------
.
ว่ากันตรงๆ ละครับ กระทู้นี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก 2 เรื่อง
.
เรื่องแรก..ช่วงที่มีข่าวลือว่า คสช. ออกประกาศห้าม นศ. อายุ 18-25 ปี จับคู่ชาย-หญิงอยู่ด้วยกัน มีการตระเวนตรวจหอพักรอบมหา'ลัย กระทั่งความจริงปรากฏคือเรื่องนี้เป็นข่าวมั่ว ข้อเท็จจริงคือเขาตรวจว่าอาคารไหนจดทะเบียนเป็นหอพัก ซึ่งเข้าข่าย พรบ.หอพัก อันนี้ก็ต้องแยกเพศ ห้ามอยู่ด้วยกัน ส่วนใครอยากอยู่ด้วยกัน ก็ไปเช่าห้องประเภทอื่นๆ รวมถึงดูว่ามีการปล่อยให้อายุต่ำกว่า 18 มาพักหรือไม่ ซึ่งอันนี้ก็ผิดกฏหมายอยู่แล้วในหลายๆ มาตรา ทั้ง พรบ.โรงแรม ทั้ง ป.อาญา เรื่องพรากผู้เยาว์
.
เรื่องที่สอง..ล่าสุดกับการห้ามขายเหล้ารอบมหา'ลัย ที่เพิ่งประกาศใช้ไปเมื่อไม่นานนี้
.
.
ประเด็นคือ..นอกจากการหาข้อเท็จจริงขอข่าวลือที่จบไปแล้วได้ข้อสรุปแล้ว ยังมีเรื่องให้คิดต่อ เพราะมีการถกเถียงกันเพิ่มเติมว่า "อายุ 18 ขึ้นไป ยังต้องควบคุมอย่างเข้มงวดแบบเด็กและเยาวชนอีกหรือไม่?" ฝ่ายนึงบอกว่าไม่ต้องหรอก มัน 18 แล้ว ทำงานก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับผู้ใหญ่ ถ้าทำผิดก็เข้าเรือนจำไม่ใช่สถานพินิจ เลือกตั้งก็ได้ ดังนั้นเขาก็มีสิทธิที่จะจับคู่อยู่ด้วยกัน มี sex กัน หรือมีสิทธิที่จะดื่มเหล้า พร้อมยกตัวอย่างว่าในต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ถือว่าปกติมาก ( ต่ำกว่า 18 ห้ามมี sex กฏหมายไทยเราก็ลอกตะวันตกมานั่นแหละ หลักสากลเขาว่าแบบนี้ ) บาง ม. มีบาร์เหล้าใน ม. ด้วยซ้ำ ก็ไม่เห็นคนต่างชาติมันจะล่มจมตรงไหน ถ้าจะทำ ควรส่งเสริมให้มี sex แบบป้องกันดีกว่าไหม? หรือควรไปเข้มงวดกับร้านที่ให้ต่ำกว่า 18 ( หรือ 20 ) เข้าไปใช้บริการ หรือขายเหล้าให้ต่ำกว่า 18 ( หรือ 20 ) หรือเวลาเปิด-ปิดร้าน จะดีกว่าไหม? อย่างน้อยๆ กินใกล้ ม. เมาแล้วมันก็เดินกลับได้ ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ให้ถูกปลดทรัพย์หรืออนาจาร และไม่ต้องเมาแล้วขับไปชนใครตาย
.
แต่อีกฝ่ายที่มีไม่น้อย บอกว่าคนไทยไม่มีหรอกวิจารณญาณ สามัญสำนึกอะไรนั่น อย่าว่าแต่ 18 หรือ 20 เลย 30 40 50 ก็ยังใช้ชีวิตกันไม่เป็น ดีแต่ก่อความเดือดร้อนให้สังคมทั้งนั้น จึงควรควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่ควรปล่อยเสรีเด็ดขาด เช่น เรียกร้องให้รัฐบาล คสช. ออกกฏหมายบังคับให้ นศ. อายุ 18-25 ต้องอยู่หอแบบแยกเพศเท่านั้น ห้ามอยู่ด้วยกัน ไม่งั้นเดี๋ยวมันก็มั่วสุม ทำกันจนท้อง เสียอนาคต หรือห้ามขายเหล้าแค่ 300 เมตร มันน้อยไป ต้อง 1 กิโลเมตรขึ้นไปเลย หรือออกกฏหมายห้ามดื่มเลยจะดีที่สุด ฯลฯ ไม่งั้นเดี๋ยวมันไปมั่วสุม เมาแล้วไม่ไปเรียน เสียอนาคต
.
------------------------------------
.
ตรงนี้แหละครับ..ผมนึกถึงช่วงที่การเมืองระอุในรอบหลายปีมานี้ จนถึงตอนนี้ก็ด้วย ที่มีการถกเถียงกันว่า "ตกลงแล้วคนไทยเหมาะกับประชาธิปไตยหรือไม่?" ฝ่ายที่เชื่อว่าเหมาะ จะให้เหตุผลว่าประชาธิปไตยก็เหมือนชีวิตคน ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบ ต้องผ่านการลองผิดลองถูก ล้มบ้างลุกบ้าง ประเทศที่ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ก็ผ่านช่วงเวลาแย่ๆ กันมาทั้งนั้น แต่อย่างน้อย "ประชาธิปไตยก็ยังให้คนทั่วๆ ไป ได้ตัดสินอนาคตทางเดินของตัวเอง"
.
ถ้าไม่ให้เดินด้วยขาตัวเอง แล้วจะเดินเป็นได้ยังไง? แน่นอนเมื่อเลือกแล้วต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย
.
ส่วนฝ่ายที่เชื่อว่าไม่เหมาะ จะให้เหตุผลคล้ายๆ กับ 2 เรื่องข้างบน คือคนไทยไม่มีจิตสำนึกอะไรทั้งนั้น คนไทยไร้ระเบียบวินัย แถมยังเกียจคร้าน ชอบแบมือขอ เรียกร้องแต่สวัสดิการรัฐ จึงเป็นช่องทางให้นักการเมืองเล่นกับนิสัยตรงนี้ด้วยนโยบายประชานิยม ลดแลกแจกแถมเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปกอบโกย ทุจริตคอรัปชั่น ( แน่นอนทำกันทุกพรรค แต่ละพรรคก็มีอาณาเขตผลประโยชน์ของตน ) หลายคนยกตัวอย่างกรีกกับเยอรมัน คนกรีกมีนิสัยแบบคนไทย ชอบประชานิยมเหมือนกัน รักสนุกเหมือนกัน ผลคือประเทศพัง หนี้สินล้นพ้นตัว ส่วนคนเยอรมันขยัน ประหยัด มีวินัย ทั้งๆ ที่ประเทศยังต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามที่แพ้สงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง แต่ฐานะทางการเงินก็ดีพอจะแบก EU ได้ทั้งกลุ่ม ดังนั้นประชาธิปไตยในกรีกจึงพาคนกรีกลงเหว ส่วนประชาธิปไตยในเยอรมันพาคนเยอรมันเจริญรุ่งเรือง เพราะนิสัยคนต่างกัน ไทยจึงไม่ควรเป็นประชาธิปไตย แต่ควรถูกดัดนิสัยเสียก่อนจากเผด็จการ เช่นที่ลีกวนยูดัดนิสัยคนสิงคโปร์ หรือปาร์คจุงฮีดัดนิสัยคนเกาหลีใต้ ผู้นำทั้ง 2 คน ปกครองอย่างเข้มงวด ทำให้ประชาชนของตนขยัน มุ่งมั่น ประหยัด มีวินัย วากรากฐานจนทั้ง 2 ประเทศ โดดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของโลกได้
.
มาดูประวัติศาสตร์ประเทศไทย 80 ปีของการเปลี่ยนมาใช้ระบอบประชาธิปไตย มีแต่เละเทะถอยหลังเข้าคลองทุกวันๆ
.
.
.
ก็ตามนี้แหละครับ..คุณคิดว่า "ประชาธิปไตย" เหมาะสมกับ "สังคมไทย" หรือเปล่า?